มิเกล อาร์เตต้า ทำให้ Arsenal กลับเข้าสู่ Champions League อีกครั้งในรอบ 6 ปี
มิเกล อาร์เตต้า คือคนที่ช่วยให้ทีมดังจากลอนดอนอย่าง อาเซร์นอล กลับมามีอนาคตอีกครั้ง และรวมเอาค่านิยมหลัก ที่จะทำให้สโมสรยิ่งใหญ่ และมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เช่น ความเคารพ ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความเต็มใจที่จะทนทุกข์ และวัฒนธรรมที่ไม่มีใครตำหนิ เรากำลังจะเล่าเรื่องราวของเขาผ่านใน บทความ srilankafootball ที่น่าสนใจ
ประวัติการเล่นของเขา 14 ปี ในลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ และสก็อตแลนด์ เขาเติบโตขึ้นมา ในระบบเยาวชนของบาร์เซโลนา และเล่นที่ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ซึ่งเขาได้ร่วมงานกับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน จากนั้นเป็นผู้เล่นในทีมที่เขาบริหารอยู่ตอนนี้
เขาประทับใจผู้จัดการทีมอย่าง David Moyes ที่ Everton และ Arsene Wenger ที่ Arsenal และหลังจากนั้น เขาก็ดึงประสบการณ์นั้น มาสร้างความสัมพันธ์ ในการทำงานกับ Pep Guardiola โดยใช้เวลาส่วนใหญ่ร่วมกัน กับเจ้าหน้าที่ฝึกสอนของ Manchester City
ประสบการณ์ที่เขาได้รับจากการทำงานกับ กวาร์ดิโอล่า นั้นประเมินค่าไม่ได้ เพราะมันช่วยให้เขา ปรับแต่งกระบวนการคิด และสร้างปรัชญาของตัวเอง
ในปีสุดท้ายของการฝึกสอน เขารู้ว่า เขาพร้อมที่จะรับงานใหญ่ และเขาถูกเชื่อมโยงกับ Arsenal ก่อนที่พวกเขาจะแต่งตั้ง Unai Emery ในปี 2018 ในขณะที่สโมสรอื่น ๆ เช่น Lyon และ Newcastle ก็สนใจที่จะเซ็นสัญญากับเขาเช่นกัน
การเป็นผู้ช่วย คือเป้าหมายหลักประการหนึ่งของเขา ในการเข้าร่วมทีม Arsenal เขามีทีมงาน ผู้ฝึกสอนที่เหมาะสมรอบตัวเขา
ผู้ช่วยผู้จัดการทีม สตีฟ ราวด์ ซึ่งนำประสบการณ์มากมาย จากการทำงาน ที่สโมสรต่างๆ เช่น เอฟเวอร์ตัน, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ดาร์บี้ และแอสตัน วิลล่า นอกจากนี้ยังมี อัลเบิร์ต สตูเวนเบิร์ก อดีตโค้ชของ สโมสรเกงค์ในเบลเยียม และอดีตผู้ช่วยผู้จัดการทีมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเวลส์
ผู้จัดการใหญ่ของอาร์เซนอล เลือกชุดทีมงานเอง เพราะเขาไว้วางใจ ให้พวกเขาถามคำถามที่ถูกต้อง มีความคาดหวังที่คล้ายคลึงกัน
มีมาตรฐาน และความซื่อตรงเหมือนกัน และความเข้าใจที่จำเป็น เกี่ยวกับความเป็นผู้นำ ยุทธวิธี และแผนการเล่นที่จะช่วยให้ Arsenal กลับมามีความสมดุลอีกครั้ง
ขั้นแรกคือขั้นตอนที่จำเป็น ในการเปลี่ยนวัฒนธรรมของสโมสร ที่ไม่ผ่านเข้ารอบแชมเปี้ยนส์ลีก ตั้งแต่ อาเซน เวนเกอร์ ลงจากตำแหน่ง
การทำงานกับอาร์เตต้าในแต่ละวัน ไม่เคยเป็นเรื่องง่าย เพราะเขาคาดหวังจากคนรอบข้าง ว่ามีพลัง ความหลงใหล และแรงผลักดันที่เขาคาดหวังจากตัวเขาเอง
ส่วนใหญ่ เขามาถึงสนามซ้อม เวลาประมาณ 8.00 น. และเขามั่นใจว่า ทุกคนมีความพร้อมเพรียงกันตั้งแต่เริ่มต้น ฉันเคยได้ยินคนเปรียบเทียบ เขากับครู ในโรงเรียนคนโปรด ใครบางคนที่มีความคาดหวังที่อาจดูน่ากลัว แต่ในทำนองเดียวกัน คนที่คุณชอบจริงๆ และคนที่คุณรู้จัก สามารถดึงสิ่งที่ดีที่สุดออกมาจากตัวคุณได้
เขาเป็นคนมีพลังงานที่ไม่หยุดนิ่ง และมีแรงขับเคลื่อนอยู่ตลอดเวลา แต่ยังเป็นคนที่มีความเห็นอกเห็นใจ เป็นคนที่เอาใจใส่ด้วยความยุติธรรมตามธรรมชาติ และเป็นคนที่มีเป้าหมายหลัก ในการแสวงหาความสุข และความสามัคคีในห้องแต่งตัว
โค้ชอาร์เซนอลคนใหม่ ได้พูดคุยกับทีมชุดใหญ่ และสตาฟฟ์ทุกคน เกี่ยวกับความโชคดี และสิทธิพิเศษที่เขาได้รับงานที่ยอดเยี่ยมในวงการฟุตบอล หนึ่งในสโมสรชั้นนำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
แต่คำพูดที่ดีนั้น มาพร้อมกับคำเตือน ในขณะที่พวกเขาทั้งหมด ควรจะสนุกกับทุกนาทีที่มีสิทธิพิเศษ พวกเขายังคงต้องทำงานหนัก และทนทุกข์ทรมาน แต่พวกเขาควรสนุกกับการทำงานหนักที่รออยู่ข้างหน้า
ภายใต้การทำทีมของกุนซือชาวสเปน คือการสร้างพลังงานใหม่ เขามักจะมองหาผู้เล่น ที่จะไปให้ไกลมากกว่านั้น ไม่ใช่มาเล่นเพื่อตัวเอง แต่เพื่อทีม
การพูดคุยในแมตช์ของเขา ไม่ว่าจะเป็นก่อนเกม ครึ่งแรก หรือเต็มเวลา ล้วนเป็นแรงบันดาลใจอย่างแท้จริง เขาไม่ใช่คนที่รวดเร็วที่สุด ที่จะยอมรับเมื่อเขาทำผิดพลาด ถึงแม้ว่าเขาจะรู้เสมอว่า เขาทำลงไปเมื่อใด นอกจากนี้เขายังไม่ชอบที่จะเสี่ยง หากเขารู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ต้องทำ แม้จะขัดกับคำพิพากษาในบางครั้ง ของผู้ที่อยู่ใกล้เขาก็ตาม นั่นหมายความว่า บางครั้งเขาอาจจะรู้สึกโดดเดี่ยวเล็กน้อย โดยที่จิตใจของเขามองไปข้างหน้าตลอดเวลา ก้าวไปข้างหน้าเสมอ
ความสัมพันธ์ระหว่าง โค้ชอาร์เซนอลล่าสุด กับเจ้าของสโมสร Stan Kroenke และ Josh ลูกชายของเขานั้นดีมาก ซึ่งอาร์เตต้า มีปฏิสัมพันธ์มากที่สุด พวกเขาตระหนักเสมอว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของสโมสร คือโครงสร้างสโมสร ในขณะที่เขา พยายามดึงนักฟุตบอลที่เก่งที่สุด มาสู่สโมสรอย่างต่อเนื่อง คือสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน
บางครั้งก็มีการสนทนาที่ยากลำบาก เขาได้พบปะกับเจ้าของสโมสร โดยที่ปากกาในมือ เขาได้กำหนดวิสัยทัศน์ของเขา สำหรับสโมสรในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว สิ่งนี้บ่งบอกว่าเขาแบกไม้กระบองไว้บนบ่าของเขาแล้ว
ความสัมพันธ์ของเขากับ Edu ผู้อำนวยการด้านเทคนิค นั้นใกล้ชิดกันมากจนหลายคนคิดว่า พวกเขารู้จักกันมาหลายปีแล้ว ความจริงก็คือ เส้นทางของชายสองคน ที่ไม่เคยข้ามผ่านมาก่อนในสมัยเล่นอาร์เซนอล และพวกเขาเพิ่งพบกันครั้งแรกไม่นาน ก่อนช่วงสัมภาษณ์งานของผู้จัดการทีม แม้ว่าตอนนี้สายสัมพันธ์จะแน่นแฟ้นมาก จนพวกเขาช่วยกันสร้างวัฒนธรรมการแข่งขันนั้น
เขาไปเยี่ยมบ้านของเอดูบ่อยด้วย นักเตะบราซิลคนนี้ กลายเป็นคนที่เขาหันไปหาได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด เช่น ในช่วงต้นฤดูกาล หรือช่วงต้นเดือนเมษายนที่แย่ๆ ใครบางคนที่จะตบหลังเขา บอกให้เขาผ่อนคลาย และสร้างความมั่นใจให้กับเขาว่า สิ่งต่าง ๆ กำลังไปในทิศทางที่ถูกต้อง
โดยพื้นฐานแล้ว ทุกคนในสโมสร รวมถึง Edu ตระหนักดีว่าเขาเป็นโค้ชที่ดีเพียงใด และเขาสามารถยิ่งใหญ่ได้ขนาดไหน เห็นได้ชัดว่า เขาไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง และพวกเขายังไม่ชัดเจนว่าพวกเขาต้องการอยู่ที่ไหน
โค้ชอาร์เซนอลคนปัจจุบัน ตระหนักถึงข้อจำกัดของตนเอง และรู้ว่าบางทีเขาอาจจำเป็นต้องจัดการกับสิ่งต่างๆ เช่น พฤติกรรมของเขาบน touchline หรือการประชุมที่มากเกินไป และความยาวของสิ่งเหล่านั้น แต่ส่วนใหญ่เกิดจากความจริงที่ว่า เขาเข้มงวดมาก และเกี่ยวข้องมาก เมื่อเวลาผ่านไปแนวทางที่สมดุลจะปรากฏขึ้น
ครั้งแรกที่พวกเขาคุยกันทางโทรศัพท์ และพวกเขาใช้เวลาชั่วโมงแรกพูดถึงเรื่องอื่นๆ ยกเว้นฟุตบอล ความเชื่อมโยงที่มีอยู่ระหว่างคนทั้งสองนั้นชัดเจนตั้งแต่เริ่มแรก และได้หายไปจากความแข็งแกร่ง ไปสู่ความแข็งแกร่งในช่วงเวลาที่มืดมน
เมื่อ Edu มาถึงสโมสร มีบางสิ่งที่ขาดหายไป แน่นอนว่าไม่ใช่สโมสรที่เขาทิ้ง ไว้ในฐานะผู้เล่นในปี 2548 ดังนั้น เขาจึงต้องการการโน้มน้าวใจเล็กน้อ ในการพยายามสร้างวัฒนธรรมใหม่ที่อาร์เตต้ากำลังมองหา เขาเห็นว่าในอาร์เตต้า เป็นโค้ชที่เตรียมตัวมาอย่างดี ด้วยสไตล์และอุดมการณ์ที่ชัดเจน ในการนำสโมสรไปข้างหน้า และเป็นชายคนหนึ่งที่ต้องการแบบเดียวกับที่เขาทำ
Edu รู้ด้วยว่าต้องใช้เวลาสักระยะ ในการวางรูปแบบและโครงสร้างนั้น และ อาร์เตต้า รู้ว่ามันยังคงเป็นงานที่กำลังดำเนินการอยู่ และเขาต้องสร้างมันขึ้นมาวันแล้ววันเล่า กุนซือชาวสเปนผู้นี้ ไม่รังเกียจที่จะรับคำแนะนำจากผู้มีอำนาจในสโมสร และจากคนรอบข้าง แต่โดยพื้นฐานแล้ว เขาเป็นคนของตัวเอง เป็นคนที่รู้จักความคิดของตัวเองดี และแน่นอน ไม่ได้ชอบที่จะหันหลังกลับ
เพื่อการวางโครงสร้างระยะยาว บอร์ดบริหารของ Arsenal ได้แสดงความเชื่อมั่นในตัวเขา ด้วยการต่อสัญญากับสโมสร จนกว่าจะสิ้นสุดฤดูกาล 2024-25