ประวัติผู้จัดการทีม เจอร์เก้น คล็อปป์ สุดยอดผู้จัดการทีมแห่งวงการฟุตบอล
ประวัติผู้จัดการทีม ประวัติลิเวอร์พูล สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ (Jurgen Klopp) ถือเป็นยอดกุนซือสมัยใหม่แห่งยุค ผู้พาทีมหงส์แดงกลับมาผงาดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ หลังจากสโมสรไม่เคยประสบความสำเร็จในการค้วาแชมป์ลีกมาอย่างยาวนานถึง 3 ทศวรรษ บทความ SRILANKAFOOTBALL ที่น่าสนใจ
ข่าวลิเวอร์พูล ย้อนกลับไปเมื่อปี 2015 ทีมลิเวอร์พูล ได้แต่งตั้งเจอร์เก้น คล็อปป์ เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีม ซึ่งคล็ปอป์ได้ประกาศต่อหน้าแฟน ๆ ลิเวอร์พูลว่า สิ่งแรกที่ผมจะทำเมื่อได้ก้าวเข้ามาสู่สโมสรแห่งนี้นั่นก็คือ เปลี่ยนแฟนบอลที่ไร้ความมั่นใจในทีม ให้กลับมาเชื่อมั่นศรัทธาต่อทีมอีกครั้ง
โปรดจงเชื่อมั่นและอดทน ถ้าฉันยังได้นั่งเป็นกุนซืออยู่ตรงนี้ ฉันจะพาสโมสรแห่งนี้คว้าแชมป์ภายในระยะเวลา 4 ปี และนี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทีมลิเวอร์พูลจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง และในการทำทีมของคล็อปป์ในปีแรก ถือว่าทำทีมได้อย่างดีเยี่ยม
ด้วยการพาทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ 2 รายการได้แก่ ยูโรป้าลีก และลีกคัพ ถึงแม้ว่าทีมจะไม่ได้เป็นแชมป์ก็ตาม และในซีซั่นที่ 2 ปี 2017 คล็อปป์พาสโมสรเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศรายการ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ที่ต้องเจอกับทีมสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เรอัลมาดริด
ถึงแม้ว่าทีมจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปในที่สุด ต่อมาในปี 2018 คล็อปป์ได้พาทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศศึก ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ได้อีกครั้ง และต้องเจอกับทีมในลีกอังกฤษด้วยกันอย่างทีมท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และในที่สุดคล็อปป์ก็สามารถพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกสมัยที่ 6 มาครองได้สำเร็จ
ถัดมาในปี 2019 เจอร์เก้น คล็อปป์ พาทีมลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้สำเร็จในรอบ 30 ปี โดยทำคะแนนทิ้งห่างอันดับที่ 2 อย่างทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบไม่เห็นฝุ่น และเหนือสิ่งอื่นใดคล็อปป์ได้พาสโมสรกลับมาครองบัลลังก์แชมป์ได้อย่างยิ่งใหญ่
ประวัติผู้จัดการทีม เจอร์เก้น คล็อปป์
เจอร์ เก้ น ค ล็ อป ป์ ประวัติ อดีตกุนซือผู้จัดการทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่พาทีมเสือเหลืองคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา 2 สมัยติดต่อกัน ในปี 2011 ,2012 และแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล เยอรมัน 3 สมัย พร้อมกับรางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของเยอรมัน 2 สมัย คล็อปป์ได้ตัดสินใจลาออกจากตแหน่งผู้จัดการทีมดอร์ทมุนด์ ในตอนนั้นทีมลิเวอร์พูลไม่เคยประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2005
สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลพยายามมองหาบุคคลที่ใช่มานานแสนนานโดยเลือกที่จะแต่งตั้ง รอย ฮอดจ์สัน และแบรนดอน ร็อดเจอร์ส เข้ามารับงานคุมทีม แต่ก็ไม่สามารถพาทีมประสบความสำเร็จได้เลย
คอลัมน์ ข่าว ลิเวอร์พูล ลิเวอร์พูลล่าสุด ได้ทำการแต่งตั้งเจอร์เก้น คล็อปป์ เข้ามารับงานคุมทีม พร้อมกับกล่าวว่าให้เวลาพวกเราได้ทำงานใน 4 ปี เราจะได้แชมป์อย่างน้อย 1 แชมป์ ไม่อย่างนั้นผมคงจะต้องออกจากสโมสรแห่งนี้ ไปทำงานที่ไหนสักที่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นี่คือคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับการเข้ามารับงานตำแหน่งผู้จัดการทีมในถิ่นแอนฟิลด์
คล็อปป์ได้จัดการสร้างทีมขึ้นมาใหม่ด้วยการเล่นฟุตบอลสไตล์เพรสซิ่ง ทีมของเขาจะต้องมีเกมส์รุกที่ดุดัน และมีนักเตะที่มีความฟิต ความขยัน ความเร็ว เข้ากับระบบของทีม เพื่อที่จะสามารถโจมตีคู่แข่งแบบไม่ทันตั้งตัว ในแบบเดียวกันกับที่ทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่เขาสร้างทีมขึ้นมาเพื่อสู่การเป็นแชมป์เปียนส์
โดยสามารถสร้างนักเตะอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ,มาริโอ ก็อตเซ่ ,มาร์โก รอยส์ ,อิลไค กึนโดอัน ,ปิแอร์ เอเมอริก โอบาเมยอง และผู้เล่นในทีมอีกหลาย ๆ คน ก้าวขึ้นสู่การเป็นนักเตะระดับโลก
คล็อปป์มีสายตาเฉียบคมในการมองหานักเตะ เพื่อที่จะเซ็นสัญญาดึงตัวเข้ามาร่วมทีม และมักจะเห็นนักเตะเหล่านั้นก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญให้กับทีม โดยในทีมลิเวอร์พูลจะเห็นว่าบรรดานักเตะที่คล็อปป์ดึงตัวเข้ามาอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ,ซาดิโอ มาเน่ ,โรแบร์โต เฟอร์มิโน ,เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และใครต่อใครอีกหลาย ๆ คน คล็อปป์ได้ปั้นผู้เล่นเหล่านี้จนกลายเป็นนักเตะที่เก่งกาจอย่างมาก พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์มาครองอย่างมากมายภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น
ตำนานบรมกุนซือเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันต์ ถึงคล๊อปป์ คลาสที่ไม่มีใครเหมือน
หลังจากลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในรอบ 30 ปี สร้างความสั่นสะเทือนกับโลกใบนี้อย่างมาก การรอคอยอันสุดแสนจะยาวนาน จากเด็กน้อยคนนึงที่เคยนั่งดูไมเคิ่ลโอเว่นออกล่าตาข่าย จนมาถึงเฟร์นานโด ตอร์เรส และหลุยส์ ซัวเรส พร้อมกับแบกความหวังแชมป์ลีกไปแทบทุกฤดูกาล
สุดท้ายวันนี้แห่งความสำเร็จก็เกิดขึ้น ภาพกัปตันทีมจอร์แดน เฮนเดอร์สัน ชูถ้วยแชมป์ คงทำให้น้ำตาของเหล่าบรรดาแฟนบอลหงส์แดงไหลออกมาไม่น้อย ในขณะนั้นเองจะเห็นสิ่งที่ชายคนนึงเลือกทำ ชายผู้ที่ไม่อยากเห็นลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ ชายผู้สร้างทีมแมนยู ฯ ให้ยิ่งใหญ่เหนือกว่าลิเวอร์พูล ชายผู้ที่ประกาศว่าต้องการเขี่ยลิเวอร์พูลออกจากบัลลังก์แชมป์
คนที่เนรมิตรทุกสิ่งให้กับแมนยู ฯ และคนที่ควรจะเจ็บปวดกว่าใคร ๆ ในการคว้าแชมป์ของหงส์แดงครั้งนี้ แต่ชายคนนั้นกลับเป็นคนแรก ๆ ที่ต่อสายตรงไปถึงเคนนี่ ดัลกลิช เพื่อร่วมแสดงความยินดีกับกรคว้าแชมป์ในครั้งนี้
โดยแม้แต่เคนนี่ ดัลกลิช ตำนานของทีมลิเวอร์พูล ยังบอกว่านี่คือการแสดงถึงสปิริต ถึงแม้เฟอร์กี้จะต้องการให้ทีมของเขาเป็นแชมป์เพียงใด แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะให้เกียรติ และยินดีกับลิเวอร์พูลอย่างจริงใจ
อีกทั้งยังรับสาย ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลปัจจุบัน เจอร์เก้น คล็อปป์ ในเวลาตีสามที่โทรมาบอกว่าทีมของเขาได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกแล้ว เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันต์ ตำนานบรมกุนซือปิศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้กล่าวยกย่องลิเวอร์พูล และเจอร์เก้น คล็อปป์ ด้วยความจริงใจที่สุด ยอมรับและคู่ควร คำนี้คือคำที่เซอร์อเล็กซ์ได้กล่าวออกมา
ลิเวอร์พูลต้องรอ 30 ปี ในครั้งนี้มันยอดเยี่ยมมาก ๆ สำหรับเจอร์เก้น คล็อปป์ นายคู่ควรกับรางวัลนี้อย่างแท้จริง ฟอร์มการเล่นของลูกทีมของนาย มันสุดแสนจะวิเศษไปเลย นายถ่ายทอดบุคลิกของตัวเองไปทั่วทั้งสโมสร มันเป็นฟอร์มที่ยอดเยี่ยมสุด ๆ นายสมควรได้รับมัน นายเยี่ยมจริง ๆ
เช่นเดียวกันเมื่อเจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ได้รับรางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ลีก เขาก็แสดงความจริงใจ และขอบคุณกลับไปสู่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันต์ ด้วยคำกล่าวที่ว่า ผมรู้ว่ามันอาจจะไม่เหมาะสมในฐานะผู้จัดการทีมลิเวิอร์พูล ที่จะกล่าวชื่นชมเซอร์อเล็กซ์
แต่ชายคนนี้คือกุนซือคนแรกของอังกฤษที่ผมได้พบเจอ เราเคยกินอาหารเช้าด้วยกันเมื่อนานมาแล้ว ผมไม่แน่ใจหรอกนะว่าเขาจะจำได้ไหม แต่ผมยังจำได้ดีเสมอมา พวกเราเข้ากันได้ดีตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอกัน ผมไม่เคยคิดเลยนะ ว่าผมจะได้รับรางวัลที่มีชื่อของเขา รางวัลเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันต์ มาถืออยู่ในมือแบบนี้
ทั้งหมดเป็นข้อความสั้น ๆ จากคนสองคน ที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน แสดงถึงมิตรภาพ ความจริงใจ จากคนสองคน จากสองสโมสรที่เกลียดกันมานับร้อยปี ประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยการฟาดแข้ง แต่ทั้งสองคนยังเหลือที่ว่างเล็ก ๆ ไว้เสมอ ที่ว่างแห่งสปิริต และมันสำคัญอย่างมากใน วงการฟุตบอล เป็นคลาสที่ไม่มีใครเหมือน คลาสของคนสองคนจากสองทีม เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันต์ และเจอร์เก้น คล็อปป์ มันยิ่งใหญ่มากจริง ๆ
เจอร์เกน คล็อปป์ ร้องไห้
เสียงเงียบสงัดในหลายเมืองใหญ่ กัดกินหัวใจใครต่อใครหลายคน ในช่วงประชากรทั่วทั้งโลกต้องเผชิญหน้ากับวิกฤติเชื้อไวรัสโควิด-19 สภาวะตึงเครียดกำลังทับใส่คนคนนึง และเมื่อเสียงเพลง you never walk alone ดังขึ้น จากเจ้าหน้าที่บริการสาธารณะสุข เข้าไปถึงชายผู้มีบุคลิกที่แข็งแกร่ง ดุดัน ที่เต็มไปด้วยแพชชั่น อย่างเจอร์เกน คล็อปป์ รวมไปถึงเหล่าบุคลกรทางการแพทย์
ทำให้ทุกคนต้องหลั่งน้ำตาออกมา โดยเนื้อเพลงมีความหมายว่า เดินต่อไปฝ่าสายฝนที่โหมกระหน่ำ แม้ว่าความฝันของคุณจะถูกทำลาย และสลายไปในที่สุด เดินต่อไปก้าวต่อไป ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวัง และคุณจะไม่มีวันเดินอย่างเดียวดาย คุณจะไม่มีวันเดินอย่างเดียวดาย
ความหมายของเพลงเพลงนี้มันช่วยตอกย้ำ ในการเดินต่อไปข้างหน้าพร้อมกัน สู้ต่อไปด้วยกัน และไม่มีวันทิ้งกัน ไม่ว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็ตาม โดยเจอร์เกน คล็อปป์ เล่าถึงเหตุการ์วันนั้นว่า มันเป็นวันที่สุดยอดมาก ๆ ยอดเยี่ยมที่สุด ผมถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ผมร้องไห้ทันที ทุกสิ่งอย่างช่างเหลือเชื่อมาก
นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงทุกอย่าง ว่าผู้คนเหล่านี้ไม่ใช่แค่ทำงานเท่านั้น มันเป็นสปิริตอันแรงกล้าที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ พวกเขาทำงานทุกวัน ช่วยเหลือคนป่วยคนไข้ ดังนั้นความชื่นชมและความซาบซึ้งใจของผม
ป.คอกีฬา