ติดตามข่าวกีฬาบอล อัพเดทข่าวสารกีฬาฟุตบอล อ่านกันอย่างจุใจ

ประวัตินักบอล

ประวัตินักบอล “ฮิเดโตชิ นากาตะ” จิตวิญญาณแห่ง “ซามูไร” ความภูมิใจแดนปลาดิบ ที่ไม่มีใครทำซ้ำได้อีก

ประวัตินักบอล “ฮิเดโตชิ นากาตะ” จิตวิญญาณแห่ง “ซามูไร” ความภูมิใจแดนปลาดิบ ซามูไรพเนจร ในโลกฟุตบอล

ประวัตินักบอล นักบอล ชื่อดัง ประวัติ นักฟุตบอลที่มีชื่อเสียง หากจะกล่าวถีงนักเตะชาวญี่ปุ่นสักคน หนึ่งในนั้นผมคิดว่า จะต้องมีชื่อของหนุ่มหน้าตี๋ ซึ่งปัจจุบันก็คงไม่ใช่วัยหนุ่มแล้ว แต่รูปร่างหน้าตาก็ยังดูดี และ เท่ห์ บุคลิกภาพดี สมกับที่เป็นนายแบบยามว่าง สมัยที่เขาเคยเป็นนักเตะด้วย ชื่อนี้หลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่เกิดยุค 90 ต้องรู้จักเขาไม่มากก็น้อย บทความ srilankafootball ที่น่าสนใจ 

นั่นก็คือ ฮิเดโตชิ นากาตะ Nakata Hidetoshi มันเป็นเรื่องน่าแปลกที่ ตัวผมเอง สมัยเด็กที่ทันเห็น นากาตะ ผมไม่ได้มีความรู้สึกว่าคนคนนี้ พิเศษ หรือ เก่งกาจอะไรมากมาย แต่สิ่งที่ผมประหลาดใจก็คือ ณ ตอนนี้ที่ล่วงเลยมา ราว 20 ปี เมื่อผมกลับไปดู คลิปวิดีโอ ของเขาสมัยเป็นนักเตะอีกครั้ง ผมกลับรู้สึกว่า ไอ้หมอนี่ เก่งโคตร จนผมเอามาเขียน บทความ ประวัติ นักฟุตบอล

ในความเป็นคนเอเชียตอนนั้น เป็นเรื่องยากกว่าทุกวันนี้ ที่นักเตะเอเชียสักคนจะเป็นที่ยอมรับ ของชาวต่างชาติ เพราะตอนนั้น ญี่ปุ่น เกาหลี ก็เพิงจะเริ่มต้นเดินเข้าสู่ ยุคที่ฟุตบอลพัฒนา ทำให้เป็นอีกหนึ่ง ประวัติ นักฟุตบอล ระดับโลก

ญี่ปุ่นเองก็เพิ่งได้ไปฟุตบอลโลก ครั้งแรก ในปี 1998 นั่นหมายความว่า ส่วนหนึ่ง ก็เป็นเพราะนโยบาย สโมสรในญี่ปุ่น ก็ผลักดันให้นักเตะของพวกเขา ก้าวสู่เวทียุโรปให้ได้

แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่า คือ ภายใต้เงาของการตลาด สิ่งที่ ฮิเดะ หรือ นากาตะ ทำได้นั้นเกินกว่าการตลาดคาดหวังไว้มากมาย การเดินทางดั่ง ซามูไร พเนจร เดินทางเก็บเกี่ยว ประสบการณ์ทั่วสารทิศ

ไม่ว่าจะ เปรูจา โรม่า ปาร์ม่า ฟิออเรนติน่า ซึ่งเป็นสโมสรดัง ในอิตาลี ทั้งนั้น ผมคนหนึ่งที่ไม่เชื่อว่า ทั้งหมดนี้ เพียงแค่จะทำการตลาด เพื่อเอาเสื้อ ฮิเดะ กลับมาขายคนญี่ปุ่น

ประวัตินักบอล

เพราะใจแกร่งมากพอ จุดเริ่มต้นอาจเป็นการตลาด แต่เมื่อเขาพิสูจน์ตัวเองได้ นิยายที่เหมือน การ์ตูน สึบาสะ ในโลกความจริง เขาก็ได้วาดเส้นทางตัวเอง แบบไม่รู้ตัว

เรื่องที่น่าทึ่งอีกเรื่องก็คือ ญี่ปุ่นก่อนจะมีนักเตะที่โดดเด่น แบบนากาตะเกิดขึ้น หรือ ในวันที่พวกเขาอยากสัมผัสบรรยากาศบอลโลก แต่ก็ไม่เคยได้สัมผัสเลย พวกเขาใช้วิธีสร้างแรงบันดาลใจผ่านสื่อต่างๆ และ อาวุธเด็ดของประเทศแบบญี่ปุ่นก็คือ การ์ตูนมังงะ ที่มีอิทธิพล ต่อเด็กทั่วโลกเลยก็ว่าได้

ไม่น่าเชื่อว่าการเริ่มต้นด้วยความเพ้อเจ้อ ในโลกจินตนาการ ที่วาดการ์ตูนให้ทีมบ้านเกิดของตน สามารถเป็นนักเตะที่เคียงบ่าเคียงไหล่นักเตะระดับโลก หรือ วาดให้ทีมตัวเองได้ไปบอลโลกเสียเลย จะสร้างบุคลากร ที่บ้าบอล และ มีความสามารถคล้ายๆ ตัวเอกในการ์ตูนขึ้นมาได้จริงๆและ นากาตะ คือคนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ประเทศญี่ปุ่น ด้วยสภาพสังคมที่ เคยแพ้สงคราม และ ทุกคนต้องดิ้นรน ขยัน เพื่อช่วยให้ประเทศพ้นความยากจน อดอยาก หลังจากยุคฟื้นฟูสงคราม ก็ได้ปลูกฝัง วัฒนธรรมที่ส่งผลดีให้คนในชาติทางอ้อม ก็คือ ขยัน อดทน มีวินัย และ สิ่งที่ขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพที่สุดก็คือ “จิตใจ”

ไม่เคยมีช่วงไหนเลย ทีเห็นความกลัว หรือ ไม่มั่นใจบนสีหน้า นากาตะ ผมอาจจะคิดไปเอง แต่ค่อนข้างมั่นใจว่า นักเตะญี่ปุ่นเกือบทุกคน แววตา สีหน้า การแสดงออก แทบจะเรียกได้ว่า แนวคิดตุ๊กตาล้มลุกเป็นเรื่องจริง ล้มเท่าไรก็ลุกได้เร็วทุกครั้ง คือ จิตใจที่ไม่มีข้อแม้ในการต่อสู้ เหมือนวัฒนธรรม ซามูไร ที่มีมาแต่โบราณ คือ ฆ่าได้หยามไม่ได้ ผมคิดว่า นี่คือกุญแจหลักของทุกอย่าง

และ นากาตะ ดูเหมือนซามูไร ในคราบนักฟุตบอลจริงๆ ผมเคยลองนึกภาพ ถ้าเราลองเปลี่ยนให้ นากาตะ ใส่ชุด ยูกาตะ หรือ ทรงประมาณ ซามูไร แล้วถือดาบสักเล่ม จำลองสภาพแวดล้อมเป็นสมัย เอโดะ ผมว่า นากาตะ ก็สามารถเข้าไปเนียนในละครพีเรียดนั้นได้เลย เพราะ ความนิ่ง บุคลิก ยังกับหลุดมาจาก ภาพยนต์ หรือ ละครพีเรียดยังไงยังงั้น

ประวัตินักบอล

ประวัตินักบอล “ฮิเดโตชิ นากาตะ” การเดินทางที่คุ้มค่าที่สุด ของชีวิตนักฟุตบอลหนึ่งคน

ผมเชื่อว่าเส้นทางชีวิตนักฟุตบอลของ นากาตะ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลัง ก้าวเดินตาม และ อิจฉา ไม่มากก็น้อย จะมีสักกี่คนในประเทศญี่ปุ่น หรือ เรียกได้ว่าทั้งเอเชียเลยก็ว่าได้ ทำให้ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่าโอกาสน้อยมาก ที่จะได้เล่นในสโมสรยักษ์ใหญ่ใน ยุโรป ต่อเนื่อง และ ได้รับการยอมรับจากฝีเท้า รวมถึงสามารถเป็นนักเตะคนสำคัญเมื่อเข้าไปมีส่วนร่วมได้ ต่อเนื่องแบบเขา

เท่าที่ดูหลังจาก นากาตะ ทำได้ก็ไม่มีใครสามารถทำได้แบบเขาอีกเลย สำหรับนักเตะญี่ปุ่น ถึงแม้จะมี ชินจิ คากาวะ หรือ เค สุ เกะ ฮ อน ดะ ที่ก็ทำได้อย่างสวยงาม แต่หากให้ผมเทียบ ผมก็คงต้องยกให้ นากาตะมาอันดับหนึ่ง ส่วนหนึ่งคงเพราะ เขาคือผุ้บุกเบิกคนแรกที่ประสบความสำเร็จมาก และ ต่อเนื่องที่สุดคนหนึ่ง ในวันที่คนเอเชีย คนญี่ปุ่น ยังแทบไม่มีแววจะได้รับการยอมรับจาก ต่างชาติ หรือ ยุโรป มากนัก

แต่นักเตะรุ่นหลังก็ได้ นากาตะนี่แหละ ที่เป็นคนกรุยทางให้ความน่าเชื่อถือ และ ทำให้นักฟุตบอลในชาติตัวเอง ดูน่าสนใจ มีมูลค่ามากขึ้น เฉกเช่นเดียวกับที่ เมสซี่ เจ ของคนไทยพยายามทำอยู่ตอนนี้ ที่ฟรอนตาเล่ แต่ต้องยอมรับจริงๆว่าเป็นความเหมือนที่แตกต่าง พอสมควร คนบ้านเราอาจจะสบายเกินไป ส่งผลให้วัฒนธรรมความเป็นนักสู้ อาจจะต่างกัน ในเรื่องความอดทน ภายใต้ความกดดัน

นากาตะ คือ ผลผลิตล้ำค่า ทายาทจากยุคเบบี้บูม หลังฟื้นฟูสงคราม ญี่ปุ่นก็เริ่มฉายแสง 

ประเด็นสุดท้ายที่จะพูดถึง ในชีวิตนักฟุบอลของนากาตะ ที่นอกเหนือจากการได้เคยร่วมทีมกับ ดาวดังอย่าง ฟรานเชสโก้ ตอตติ รวมถึงดาวดังในอิตาลี อีกหลายคนในตอนนั้น สิ่งที่ผมอยากพูดถึง คือ ต้นเหตุที่ทำไม คนแบบนากาตะ ถึงมีได้ในตอนนั้น ส่วนหนึ่งอาจเพราะ ญี่ปุ่นอยู่ในช่วงพัฒนาต่อจากยุคเฟื่องฟู อุตสาหกรรม การส่งออก การผลิต

หลายคนคงสงสัย แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน เกี่ยวโดยทางอ้อม เพราะการเป็นชาติแพ้สงคราม การเป็นชนชาติชาวเกาะ ที่ต้องอยู่ด้วยการใช้ทักษะ ความดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ต้องสู้ตลอดเวลา ยิ่งหลังจากแพ้สงคราม ญี่ปุ่นแทบไม่เหลืออะไรเลย ถ้าไม่ได้การช่วยเหลือจาก อเมริกา คนยุคนั้นถือว่า อดทน ขยัน แล้ว จิตใจแข็งแกร่งสุดๆ

ซึ่งก็คือยุคพ่อแม่ของ นากาตะ และนากาตะได้ซึมซับจิตวิญญาณนักสู้มาเต็มๆ พอเห็นภาพแล้วใช่ไหมครับ ว่าเกี่ยวโยงกันอย่างไร สภาพแวดล้อมหล่อหลอมคนได้จริงๆ และ ด้วยจิตวิญญาณของคนญี่ปุ่นเอง ผนวกเข้าไป รวมถึงในตัว นากาตะเอง อาจมีพรสวรรค์ประกอบด้วย ทำให้เกิดปรกฏการณ์ เทพแดนปลาดิบ ให้กล่าวขานมาจวบจนทุกวันนี้

“เด็กเนิร์ดสีส้ม”